วัฒนธรรมการรับประทานอาหารของคนสมัยใหม่ ที่นิยมเมนูฟาสต์ฟู้ด และอาหารปิ้งย่าง ตามอย่างตะวันตก กระตุ้นให้เกิดโรคภัยสารพัด เพราะร่างกายขาดความสมดุลในการบริโภค นักโภชนาการระดับโลก จึงแนะนำว่า ทางที่ดีควรเน้นการบริโภคปลาทะเล ซึ่งมีกรดไขมันโอเมก้า-3 อยู่มาก และหลีกเลี่ยงอาหารทอด ที่อัดแน่นไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า-6
ในงานเสวนาหัวข้อเรื่อง “สัดส่วนระหว่างกรดไขมันโอเมก้า-6 ต่อกรดไขมันโอเมก้า-3 ความหลากหลายของยีน และโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด” ที่ รพ.เทพธารินทร์ เมื่อเร็วๆนี้ ทางสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทยฯ ได้เชิญ “ดร.อาร์ทีมิส พี. ซิโมพูลอส” ประธานศูนย์พันธุศาสตร์โภชนาการและสุขภาพ สหรัฐอเมริกา มาร่วมพูดคุยถึงพิษภัยจากการบริโภคอย่างขาดสมดุลโดยนักโภชนาการชื่อดังชี้ว่า ปัจจุบันคนทั่วโลกบริโภคกรดไขมันโอเมก้า-6และกรดไขมันโอเมก้า-3 อย่างไม่ได้สัดส่วน หรือประมาณ 10-20 : 1 จนกลายเป็นสาเหตุให้เกิดโรคภัยต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคเบาหวาน, โรคอ้วน, โรคมะเร็ง และโรคข้ออักเสบ อย่างไรก็ดี สมาคมหัวใจอเมริกันและสถาบันสุขภาพสหรัฐอเมริกา ได้แนะนำให้อเมริกันชนบริโภคกรดไขมันโอเมก้า-6 และกรดไขมันโอเมก้า-3 ในสัดส่วน 4 : 1 หรือจำง่ายๆว่า ควรบริโภคกรดไขมันโอเมก้า-3 ให้ได้วันละ 650 มิลลิกรัม
สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับกรดไขมันทั้งสองชนิด “ดร.อาร์ทีมิส” อธิบายว่า กรดไขมันโอเมก้า-6 จะพบมากในอาหารทอดและฟาสต์ฟู้ด รวมถึงน้ำมันพืชหลายชนิด เช่น น้ำมันถั่วเหลือง, น้ำมันดอกทานตะวัน, น้ำมันดอกคำฝอย และน้ำมันข้าวโพด ขณะที่ กรดไขมันโอเมก้า-3 พบมากในปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน, ทูน่าแมคเคอเรล, แมนฮาเดน, เทราท์ และพอลล็อก ผลจากงานวิจัยหลายชิ้นยังบ่งชี้ว่า การบริโภคกรดไขมันโอเมก้า-3 โดยตรงจากปลาทะเล จะมีประโยชน์ในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด แถมยังลดการอักเสบ, ลดความดันโลหิต, ช่วยเสริมสุขภาพดวงตาและสมองของทารก
ในงานเดียวกันนี้ ยังมีนักวิชาการจากเมืองไทย “รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน” คณบดีคณะสหเวชศาสตร์ จุฬาฯ ส่งเสียงเตือนว่า จากข้อมูลล่าสุดของโรงพยาบาลรามาธิบดี เผยว่า ปัจจุบันคนไทยเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดปีละ 6 แสนคน โดยราว 4 หมื่นคน เสียชีวิตด้วยโรคร้ายชนิดนี้ คิดเป็นชั่วโมงละ 2 คนครึ่ง ซึ่งถือว่าสูงเป็นอันดับ 2 รองจากโรคเอดส์ทีเดียว สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ ขณะนี้คนนิยมทานอาหารจำพวกเนื้อสัตว์มากเกินไป และไม่ค่อยออกกำลังกาย จึงทำให้คนยุคนี้เป็นโรคมากขึ้น โดยเฉพาะโรคอ้วน และที่น่าห่วงกว่านั้นคือ เด็กไทยเป็นโรคอ้วนสูงมาก ติดอันดับสองในเอเชีย-แปซิฟิก เป็นรองก็แต่ประเทศออสเตรเลีย ตรงนี้ถือเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องรีบแก้ไข วิธีป้องกันอย่างหนึ่งก็คือ การบริโภคอาหารที่ถูกต้องหรือมีสัดส่วนพอเหมาะ โดย เฉพาะการรับประทานผักผลไม้ให้ได้ 5-9 หน่วยบริโภคต่อวัน, ทานปลาทะเลให้ได้ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ และหมั่นออกกำลังกายอาทิตย์ละ 2-3 วัน.